ลูกอมแก้ปากเหม็นทำงานอย่างไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง

ลูกอมแก้ปากเหม็นทำงานอย่างไร? มีส่วนผสมอะไรบ้าง

ทำความเข้าใจสาเหตุของกลิ่นปาก (Halitosis)

ก่อนจะเจาะลึกถึง ลูกอมแก้กลิ่นปากไม่พึงประสงค์ เราควรทำความเข้าใจถึงสาเหตุของ กลิ่นปาก หรือที่ภาษาแพทย์เรียกว่า “Halitosis” เสียก่อน ปัจจัยส่วนใหญ่มักมาจากการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะสร้างสารประกอบกำมะถันระเหย (Volatile Sulfur Compounds – VSCs) ส่งผลให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ สาเหตุอื่นๆ ที่อาจเสริมให้กลิ่นปากรุนแรงขึ้น ได้แก่

  1. การดูแลสุขภาพช่องปากไม่เพียงพอ
    • แปรงฟันไม่สะอาดหรือไม่ทั่วถึง
    • ไม่ใช้ไหมขัดฟันทำให้เศษอาหารติดตามซอกฟัน
    • ไม่ขูดลิ้นเป็นประจำ
  2. การรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุน
    • กระเทียม หัวหอม ทุเรียน หรืออาหารหมักดองบางชนิด
    • เครื่องเทศที่มีกลิ่นรุนแรง
  3. ภาวะปากแห้ง
    • ดื่มน้ำน้อย สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
    • การใช้ยาบางชนิดที่ลดการผลิตน้ำลาย
  4. โรคประจำตัวบางอย่าง
    • โรคเหงือกอักเสบหรือปริทันต์อักเสบ
    • โรคระบบทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน (GERD)
    • ภาวะทางเดินหายใจ เช่น ไซนัสอักเสบ

เมื่อเรารู้สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดกลิ่นปากไม่พึงประสงค์แล้ว เราจะเข้าใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามที่ช่วย ดับกลิ่นปาก ส่วนหนึ่งคือการแก้ที่ปลายเหตุเพื่อกลบกลิ่นหรือยับยั้งแบคทีเรียในช่องปากในระยะสั้น แต่หากต้องการแก้ปัญหา กลิ่นปากไม่พึงประสงค์แบบยั่งยืน ควรจัดการที่ต้นเหตุด้วยการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธีควบคู่กันไป

 

กลไกการทำงานของลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์

1. กลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ด้วยสารให้กลิ่นและความเย็น

จุดเด่นของ ลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ ส่วนใหญ่คือการใส่สารให้ความเย็น เช่น เมนทอล (Menthol) เปปเปอร์มินต์ (Peppermint) หรือสเปียร์มินต์ (Spearmint) ซึ่งให้ความรู้สึกเย็นและกลิ่นหอมสดชื่นในปากทันทีที่อม จึงสามารถ กลไกนี้ช่วย “กลบ” กลิ่นปากไม่พึงประสงค์ ได้ในระยะเวลาสั้นทำให้ผู้ใช้รู้สึกมั่นใจขึ้นในการพูดคุย

2. ลดจำนวนแบคทีเรียในช่องปาก

ลูกอมบางแบรนด์ไม่ได้มีแค่สารกลบกลิ่นเท่านั้น แต่ยังเพิ่มส่วนผสมที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย (Antibacterial) เช่น สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) ชะเอมเทศ (Licorice Extract) หรือสารสกัดจากสมุนไพรอื่นๆ ซึ่งอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปากที่เป็นต้นเหตุของ กลิ่นปาก ได้ แม้จะไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นการลดจำนวนลง ทำให้กลิ่นปากลดลงได้

3.เพิ่มปริมาณน้ำลายในปาก

การอมลูกอมช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลายตามธรรมชาติ ทำให้ปากไม่แห้งง่าย ปริมาณน้ำลายที่มากขึ้นจะช่วยชะล้างแบคทีเรียและเศษอาหารในช่องปาก จึงเป็นอีกกลไกหนึ่งที่สนับสนุน การลดกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ ชั่วคราวได้

4. ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล

ลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์หลายๆ สูตรจะระบุว่า “ไม่มีน้ำตาล” (Sugar-Free) แต่จะใช้สารให้ความหวานทดแทน เช่น ไซลิทอล (Xylitol) หรือซอร์บิทอล (Sorbitol) ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่าสารเหล่านี้อาจช่วยลดความเสี่ยงฟันผุได้และยังไม่กระตุ้นการสร้างกรดของแบคทีเรียในช่องปาก ทำให้สุขภาพฟันโดยรวมดีขึ้นกว่าการใช้ลูกอมที่มีน้ำตาลทั่วไป (Mäkinen, 2011)

 

ส่วนผสมหลักที่พบได้บ่อยในลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์

  1. เมนทอล (Menthol)
    เป็นสารที่ให้ความเย็น สกัดจากพืชตระกูลมินต์ เมนทอลช่วยกระตุ้นปลายประสาทความรู้สึกเย็นในช่องปาก ทำให้รู้สึกสดชื่นได้ทันที นอกจากนี้ยังช่วยกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้เบาบางลง
  2. เปปเปอร์มินต์ (Peppermint) หรือ สเปียร์มินต์ (Spearmint)
    เป็นกลิ่นและรสชาติยอดนิยมใน ลูกอมดับกลิ่นปาก ให้ความรู้สึกเย็นและหอม จึงได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมลูกอมและหมากฝรั่ง กลไกในการ ดับกลิ่นปาก ส่วนใหญ่เป็นการกลบกลิ่นและทำให้ลมหายใจหอมสดชื่น
  3. สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล
    • ไซลิทอล (Xylitol)  เป็นสารให้ความหวานที่มีคุณสมบัติช่วย ลดปริมาณแบคทีเรียก่อฟันผุ (Streptococcus mutans) งานวิจัยพบว่าไซลิทอลสามารถช่วยลดความเสี่ยงของฟันผุได้ในระดับหนึ่ง โดยไม่ทำให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์มากนัก
    • ซอร์บิทอล (Sorbitol)  เป็นสารที่ให้ความหวานเช่นเดียวกับไซลิทอล มีแคลอรี่ต่ำกว่าน้ำตาลทั่วไป ไม่ทำให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์มากนัก
    • มอลทิทอล (Maltitol)  เป็นสารให้ความหวานอีกชนิดหนึ่งที่ให้พลังงานต่ำ ใช้แทนน้ำตาลในลูกอมหลายยี่ห้อ
  4. สารสกัดจากสมุนไพร
    • ชาเขียว (Green Tea Extract)  อุดมด้วยสารคาเทชิน (Catechin) ซึ่งมีงานวิจัยบางส่วนชี้ว่าสามารถยับยั้งแบคทีเรียในช่องปาก และลดการสร้างสารประกอบกำมะถันระเหย (VSCs) (Kleinberg & Codipilly, 2002)
    • ชะเอมเทศ (Licorice Extract)  มีสารกลีซีร์ริซิน (Glycyrrhizin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอักเสบและต้านแบคทีเรีย ช่วยบรรเทาอาการอักเสบเล็กน้อยในช่องปาก และลด กลิ่นปาก
    • กานพลู (Clove)  ใช้กันมาช้านานในวัฒนธรรมตะวันออก เนื่องจากกานพลูมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยลดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
    • สะระแหน่ (Mint Leaves)  นอกจากช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและความเย็นแล้ว ยังมีคุณสมบัติระงับกลิ่นในบางกรณี
  5. วิตามินและแร่ธาตุ
    ลูกอมบางชนิดอาจเสริมวิตามินซีหรือแร่ธาตุบางอย่าง เพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องปาก แต่ต้องดูปริมาณและงานวิจัยสนับสนุนว่ามีประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญหรือไม่

 

ประโยชน์และขอบเขตการใช้งานของลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์

  1. ลดกลิ่นปากแบบเฉพาะหน้า
    การอมลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ก่อนเข้าประชุมหรือพบปะผู้คนจะช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่นขึ้นทันที แม้อาจคงอยู่แค่ระยะเวลาหนึ่ง
  2. เพิ่มความมั่นใจในการสื่อสาร
    หลายคนขาดความมั่นใจในตัวเองเมื่อรู้สึกว่า มีกลิ่นปาก การใช้ลูกอมเพื่อ ดับกลิ่นปาก หรือกลบกลิ่นได้บ้างย่อมช่วยเสริมสร้างความมั่นใจขึ้นได้ในสถานการณ์เร่งด่วน
  3. ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย
    การอมลูกอมทำให้มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบดเคี้ยว กระตุ้นต่อมน้ำลายให้ทำงานมากขึ้น ลดความแห้งในช่องปาก ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของ กลิ่นปาก
  4. เหมาะกับการพกพา
    ลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบที่พกพาสะดวก ใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าถือได้สบาย และหยิบมาอมได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องตระหนักว่าลูกอมไม่ใช่ยารักษาโรค หากมีปัญหา กลิ่นปาก ที่รุนแรงหรือคาดว่าจะมีสาเหตุจากภายใน เช่น โรคเหงือกอักเสบ โรคฟันผุรุนแรง หรือโรคระบบทางเดินอาหาร ควรปรึกษาแพทย์หรือนักทันตสุขภาพเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

 

ข้อควรระวังในการใช้ลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์

  1. มีน้ำตาลสูงในบางสูตร
    หากลูกอมไม่ได้ระบุว่าเป็นสูตรไม่มีน้ำตาล (Sugar-Free) อาจมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุได้ โดยเฉพาะผู้ที่อมบ่อยๆ และไม่แปรงฟันให้ถูกวิธี
  2. ไม่แก้ไขต้นเหตุของกลิ่นปาก
    การอมลูกอมอาจช่วยกลบกลิ่นได้ระยะหนึ่ง แต่ถ้าต้นเหตุคือการสะสมแบคทีเรียหรือโรคในช่องปาก การละเลยการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างจริงจังก็ทำให้ กลิ่นปาก กลับมาใหม่ได้เรื่อยๆ
  3. การแพ้หรือระคายเคือง
    บางคนอาจมีอาการแพ้สารให้ความหวานหรือสารสกัดจากสมุนไพรบางชนิด หากมีอาการระคายเคืองในช่องปาก เช่น แสบร้อนหรือผื่นแดง ควรหยุดใช้ทันที
  4. ผลข้างเคียงในระบบทางเดินอาหาร
    การใช้สารให้ความหวานทดแทนเช่น ไซลิทอล หรือซอร์บิทอล ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องอืดในบางรายได้ ควรอ่านฉลากและไม่ใช้เกินปริมาณที่แนะนำ

 

เคล็ดลับการใช้ลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ให้ได้ผลดี

  1. อมให้ละลายช้าๆ
    ไม่ควรรีบเคี้ยวหรือกลืนลูกอม ควรปล่อยให้ละลายในปากช้าๆ เพื่อให้สารที่ช่วย ดับกลิ่นปาก กระจายไปทั่วช่องปาก
  2. เลือกสูตรไม่มีน้ำตาล
    เพื่อลดความเสี่ยงฟันผุ และส่งเสริมให้สุขภาพช่องปากดีขึ้นในระยะยาว
  3. พกพาระหว่างวัน
    หากรู้ว่าต้องพบปะ หรือ พูดต่อหน้าคนจำนวนมาก หรือรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง ควรพก ลูกอมดับกลิ่นปาก เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจ เผื่อกรณีฉุกเฉิน
  4. อย่าพึ่งลูกอมเพียงอย่างเดียว
    แม้ว่าลูกอมจะช่วยกลบกลิ่นได้ แต่ควรดูแลสุขภาพช่องปากควบคู่ไปด้วย เช่น แปรงฟันหลังอาหาร ใช้ไหมขัดฟัน ขูดลิ้น และบ้วนปากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดแบคทีเรียและสารอาหารตกค้างที่เป็นต้นเหตุของ กลิ่นปากไม่พึงประสงค์

 

แนวทางการดูแลสุขภาพช่องปากแบบองค์รวม

เพื่อให้การใช้ ลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ มีประสิทธิภาพสูงสุดและลดกลิ่นปากได้อย่างยั่งยืน ควรผสานกับการดูแลสุขภาพช่องปากประจำวันอย่างถูกต้อง ดังนี้

  1. แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
    ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ (Fluoride) หรือสารต้านแบคทีเรีย แปรงฟันครั้งละประมาณ 2 นาที และควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 3 เดือน หรือเมื่อขนแปรงเริ่มบาน
  2. ใช้ไหมขัดฟันและขูดลิ้น
    การใช้ไหมขัดฟันช่วยขจัดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟัน ส่วนการขูดลิ้นช่วยลดคราบแบคทีเรียบนลิ้น ซึ่งงานวิจัยระบุว่าลิ้นเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียได้มากถึง 60% ของแบคทีเรียในช่องปาก (Bollen & Beikler, 2012)
  3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    ปากแห้งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แบคทีเรียเติบโตได้ดี การจิบน้ำบ่อยๆ จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นและส่งเสริมการสร้างน้ำลายตามธรรมชาติ
  4. ลดหรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
    • งดหรือเลิกสูบบุหรี่
    • ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • ลดการบริโภคอาหารที่มีกลิ่นฉุนอย่างต่อเนื่อง
  5. ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ
    เข้าพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพฟันและเหงือก รวมถึง ขูดหินปูน และรักษาปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น ฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ ก่อนที่อาการจะลุกลามจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิงที่เชื่อถือได้

  1. Bollen, C. M., & Beikler, T. (2012). Halitosis  the multidisciplinary approach. International Journal of Oral Science, 4(2), 55–63.
    • งานวิจัยที่อธิบายถึงสาเหตุ กลไกการเกิดกลิ่นปาก และแนวทางแก้ไขแบบองค์รวม
  2. Mäkinen, K. K. (2011). Sugar alcohols, caries incidence, and remineralization of caries lesions  A literature review. International Journal of Dentistry, 2010, 1-23.
    • รวบรวมงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล เช่น ไซลิทอล ในการลดการเกิดฟันผุและปรับปรุงสุขภาพช่องปาก
  3. Kleinberg, I. & Codipilly, M. (2002). Causation and management of oral malodor. International Journal of Oral Science, 4(1), 31-36.
    • ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแบคทีเรียต้นเหตุของกลิ่นปาก และวิธีการดูแลเพื่อจัดการกลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่องปากอย่างมีประสิทธิภาพ

การทำความเข้าใจถึง กลไกการทำงานของลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ และพิจารณาการมีส่วนผสมที่มีประโยชน์จริง จะทำให้คุณตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตนเองได้ง่ายขึ้น อย่าลืมผสานกับ การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างครบถ้วน เพื่อให้ลมหายใจหอมสดชื่นและปราศจาก กลิ่นปากไม่พึงประสงค์ ได้ในระยะยาว!

 

สรุป

ลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ทำงานอย่างไร? คำตอบสั้นๆ คือ ใช้กลไกการ “กลบกลิ่น” ด้วยสารให้ความเย็นและกลิ่นหอม พร้อมกับอาจเสริมสารต้านแบคทีเรียและกระตุ้นการผลิตน้ำลายในปาก เพื่อลดจำนวนแบคทีเรียที่ก่อให้เกิด กลิ่นปาก ในระยะสั้นๆ แม้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เฉพาะหน้า แต่ไม่สามารถแก้ปัญหา กลิ่นปากไม่พึงประสงค์ ได้ถาวรหากไม่ดูแลสุขภาพช่องปากควบคู่กัน โดยเฉพาะการรักษาความสะอาดอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ

สำหรับส่วนผสมใน ลูกอมดับกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ ที่พบได้บ่อย ได้แก่ เมนทอล เปปเปอร์มินต์ สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลอย่างไซลิทอล และอาจเสริมด้วยสารสกัดจากสมุนไพรต่างๆ เช่น ชาเขียว ชะเอมเทศ กานพลู หรือสะระแหน่ และสูตรไม่มีน้ำตาล (Sugar-Free) จะช่วยลดความเสี่ยงฟันผุ จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการ ดับกลิ่นปาก อย่างปลอดภัยและเหมาะสมในชีวิตประจำวัน

ท้ายที่สุดแล้ว การใช้ลูกอมเป็นเพียงตัวช่วยเสริมเพื่อ แก้ปัญหา ชั่วคราวเท่านั้น หากต้องการให้ลมหายใจหอมสดชื่นอย่างยั่งยืน ควรหมั่นแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน ขูดลิ้น บ้วนปากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ดูแลช่องปากอย่างต่อเนื่อง และลดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิด กลิ่นปาก หากทำได้ครบถ้วน ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นปากซ้ำซ้อนและช่วยให้คุณมีความมั่นใจในทุกการสนทนาตลอดวัน